วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

[OS] จ ริ ง ๆ น ะ #KaiQian





เชียนซีนั่งจ้องมือถือทั้งวัน
             .
                .
                .
                เจ้าของใบหน้าขรึมเอาแต่นั่งเหม่อ เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ไม่ได้เข้ามาในหัวของเขาเลยซักนิด ยิ่งเป็นคาบก่อนพักเที่ยง เขายิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน ร่างโปร่งนั่งถอนหายใจสลับกับมองนาฬิกา แต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า  ในที่สุดเชียนซีก็ทนไม่ไหว แอบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าแอพพลิเคชั่นแชทชื่อดัง นิ้วเรียวไล่จนไปถึงชื่อของคนที่ทำให้เขากังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร           


Qianxi ::
                นายอยู่ที่ไหน

                ทำอะไรอยู่

                ทำไมถึงไม่มาโรงเรียน

                นี่! เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?!

                หวังจุนไคอย่าเงียบแบบนี้สิ

.
.
.

                พักกลางวันแล้วจุนไคก็ยังไม่ตอบ

            เชียนซีถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ กดล็อคและปลดล็อคโทรศัพท์วนไปวนมาอยู่หลายรอบ จนหวังหยวนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ข้างๆชักทนไม่ไหว

                กินข้าวเถอะเชียนซี ในมือถือมันมีอะไรนักหนา นั่งจ้องอยู่ได้

                “วันนี้จุนไคไม่มาโรงเรียน

                ”อืม..แล้วไง

                “ทักแชทไปก็ไม่ยอมตอบ

                ทีตอนฉันไม่มาโรงเรียนไม่เห็นนายกระวนกระวายอย่างนี้เลยว่าพลางลอบมองปฏิกิริยาของคนข้างๆ

                “กะก็”   
             
เป็นไปตามที่หวังหยวนคาดไว้ไม่มีผิด เชียนซีก้มหน้างุดจนหัวแทบจะชิดกับจานข้าวอยู่แล้ว สาบานได้ว่าเขาแอบเห็นคนขรึมหน้าแดงด้วย ไม่บ่อยนะครับที่จะเห็นเชียนซีเป็นแบบนี้ มันน่าถ่ายรูปเก็บไว้จริงๆ


                เออๆ ช่างมัน รีบกินข้าวเถอะ จะได้ไปเรียน


                เชียนซีพยักหน้ารับ แต่ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าเขาตัดสินใจเข้าไปดูในแชทอีกครั้ง


                            Read.
                               

                แต่ไม่มีข้อความตอบกลับ


                นี่มันหมายความว่ายังไงห๊ะ หวังจุนไค!!



            กว่าหวังหยวนจะบังคับให้เชียนซีกินข้าวได้ก็เกือบถึงเวลาเข้าเรียนยามบ่าย เพราะเพื่อนตัวดีของเขาดันทำท่าเหมือนจะกินมือถือเข้าไปแทนข้าวซะงั้น คาบบ่ายนี้พวกเขามีเรียนพละ ขืนไม่กินอะไรไปมีหวังได้เป็นลมคาโรงยิมแน่


                ในขณะที่กลุ่มนักเรียนชายกำลังเล่นบาสเกตบอลอย่างดุเดือด เชียนซีกลับเอาแต่นั่งซึมอยู่ข้างสนาม ทั้งที่ตัวเองชอบเล่นบาสเกตบอลมากแท้ๆ แต่วันนี้เขากลับไม่มีอารมณ์อยากลงสนามเลยซักนิด


จะให้มีอารมณ์ทำอะไรได้ไง! เขาอุตส่าห์ส่งข้อความไปตั้งเยอะ แต่นี่อะไร..เห็นแล้วยังไม่ยอมตอบกลับมาอีก ความรู้สึกต่างๆผสมปนเปกันไปหมด ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง นี่หวังจุนไคตั้งใจจะกวนประสาทเขาใช่ไหม?! หรือว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับหมอนั่นกันนะ  



โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว




                “ เฮ้ย!!! เชียนซีระวัง!!”


                ตุบ!!


                ไม่รู้ว่าส่งบอลกันอีท่าไหนถึงทำให้เชียนซีโดนลูกบาสกระแทกหัวเข้าอย่างจัง สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือหวังหยวนและคนอื่นๆกำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเขา ก่อนที่ภาพทุกอย่างค่อยๆดับไป...

                .
                .
                .

                ร่างโปร่งลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องสีขาวๆซึ่งน่าจะเป็นห้องพยาบาล


นี่เราตายหรือยัง


ถ้านายกำลังคิดว่าตัวเองตายหรือยัง ฉันบอกเลยว่า...ยัง จู่ๆหวังหยวนที่กำลังนั่งจ้องหน้าเชียนซีอยู่ข้างเตียงก็พูดขึ้นมาราวกับอ่านความคิดของเขาออก


 “แต่นายก็สลบไปนานมากกกกกก ตั้งแต่คาบพละ จนเอ่อตอนนี้โรงเรียนเลิกแล้ว


เขาหลับไปนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย เชียนซียกมือขึ้นแตะศีรษะเบาๆ ยังรู้สึกเจ็บนิดหน่อยแต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง



เดี๋ยวนะหลังเลิกเรียนแล้ว


หวังหยวน ขอโทรศัพท์หน่อย!”


เมื่อได้สมาร์ทโฟนคืน เชียนซีก็รีบกดเข้าไปในแอพแชททันที เขารัวข้อความไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้จุนไคก็น่าจะตอบกลับมาแล้ว แต่



จนตอนนี้จุนไคก็ยังไม่ตอบ

               
                เชียนซีถอนหายใจยาว มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ตกลงข้างลำตัว มืออีกข้างก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าตัวเอง ความรู้สึกผิดหวังตีขึ้นมาจนรู้สึกอึดอัดไปหมด เขาอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ


                หวังหยวนเห็นท่าทางของเพื่อนสนิทก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สองมือขยับเก้าอี้ให้เข้าไปใกล้กับเตียงมากขึ้น มือเล็กกระชากผ้าที่คลุมหน้าของคนบนเตียงออก


โถอี้หยางเชียนซี อีกนิดนึงน้ำตาจะไหลแล้วเพื่อน



                เชียนซี ฟังฉันนะ

                “…”

                “ถ้านายเป็นห่วงหวังจุนไคขนาดนั้น แทนที่นายจะมัวแต่รอหมอนั่นตอบแชท ทำไมนายไม่โทรไปหาเลยหล่ะ


                เออหว่ะ

                คำพูดของหวังหยวนเป็นเหมือนเครื่องเรียกสติ นั่นสิ ทำไมเขาไม่โทรหาตั้งแต่แรก

เชียนซี นายมันบ้องตื้นที่สุด!



คิดได้แล้วก็รีบจัดการซะ เอ้อ...วันนี้กลับคนเดียวนะ ฉันมีนัดกับที่บ้าน ไปละโบกมือลาเพื่อนเสร็จสรรพ หวังหยวนก็คว้ากระเป๋านักเรียนออกจากห้องพยาบาลไปทันที

ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงกล้าปล่อยให้เชียนซีกลับบ้านคนเดียว  เดี๋ยวก็รู้J
.
.
.


เชียนซียังคงอยู่ในห้องพยาบาล แต่ตอนนี้เปลี่ยนจากนอนเป็นนั่งห้อยขาแทน หวังหยวนออกไปได้สักพักแล้ว พอมานั่งนึกดูดีๆก็อดขำตัวเองไม่ได้ เขากระวนกระวายเพราะจุนไคไม่ตอบข้อความทั้งวัน โทรไปหาแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง



เมื่อคิดได้เชียนซีก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเบอร์โทรหาคนๆนั้นทันที รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยแฮะ




ตู๊ดดด ตู๊ดดดดด



( ฮัลโหล )

“…”

( ฮัลโหลเชียนซี )

ทำไมวันนี้ไม่มาโรงเรียน

( ฉันไข้ขึ้นหน่ะ )

เป็นยังไงบ้าง ไข้ลงหรือยัง กินยาแล้วใช่ไหม?

( ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว )

อืม ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว แค่นี้นะ

( เชียนซี เดี๋ยว… )



ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด



เชียนซีตัดสายอย่างรวดเร็ว เฮ้ออ โล่งอกไปที ที่แท้ก็เป็นไข้นี่เอง ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็โอเค อาจจะแหบบ้างแต่ไม่น่ามีอะไรให้เป็นห่วง ส่วนเรื่องที่อ่านแชทแล้วไม่ตอบ เขาไม่ได้ติดใจอะไร ไม่ได้คิดถึงเลยด้วยซ้ำ



เพราะสำหรับเชียนซีแล้วแค่ได้รู้ว่าจุนไคไม่ได้เป็นอะไรก็พอ



หลังจากจัดการเรื่องที่ค้างคาใจเสร็จเรียบร้อย ในที่สุดก็ได้เวลากลับบ้านซะที เชียนซีออกมาจากห้องพยาบาล เดินผ่านอาคารต่างๆและตรงไปยังบริเวณหน้าโรงเรียน


ร่างโปร่งเดินผ่านประตูรั้วไปได้ไม่กี่ก้าว หางตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังยืนพิงกำแพงโรงเรียนอยู่ คนที่แสนจะคุ้นเคย คนที่ทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขทั้งวัน ถึงแม้ว่าร่างสูงจะอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆและมีแมสปิดปากบดบังเกือบครึ่งหน้า แต่เขาก็จำสายตาที่กำลังมองมาที่เขาได้แม่น คนๆนี้ไม่ผิดแน่!

เชียนซีชี้หน้าคนที่มายืนรอเขาด้วยความตกใจ

 นะนาย จุนไค มาที่นี่ได้ยังไง?!”

ไหนว่าเป็นไข้ไม่ใช่หรอ?!

ฉันมาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ...” ตอบพร้อมยักคิ้วให้คนตรงหน้าหนึ่งที

“…”

นิ่ง เชียนซีนิ่งมาก…  โอเค หวังจุนไคควรตอบคำถามดีๆ

พอดีวันนี้มีคนโทรไปบอกว่าอี้หยางเชียนซีต้องกลับบ้านคนเดียว ฉันเลยอาสาเดินไปส่ง

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือหวังหยวนแน่นอน

 ไม่ต้องเป็นห่วงน่า ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้วจุนไคเอ่ยพร้อมยกมือขึ้นขยี้ผมของคนตัวเล็กกว่าเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

จริงๆนะ…” เชียนซีถามเสียงเบา

จริงสิ ป่ะ..กลับบ้านกัน

อื้ม…”
.
                .
                .



                ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้านี้

            เมื่อหวังหยวนบอกลาเชียนซีเสร็จ เขาก็รีบวิ่งลงจากอาคารและหาที่เหมาะๆ ต่อสายหาจุนไคทันทีหลังจากคิดแผนการบางอย่างออก รอไม่นานจุนไคก็รับโทรศัพท์

            ( ฮัลหละ… )

            ไอ้บ้าจุนไค! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน สายปลายทางพูดยังไม่ทันจบ หวังหยวนก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมา

            ( อยู่บ้าน มีอะไร? ) เสียงอีกฝ่ายงัวเงียเล็กน้อย เหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอน

            “วันนี้นายหายไปไหนมา เห็นข้อความที่เชียนซีส่งไปใช่ไหม? แล้วทำไมไม่ตอบ ห๊ะ! เชียนซีเป็นห่วงนายมากเลยนะรู้หม้ายยยยยยย!”

แต่พอโดนหวังหยวนตะโกนใส่หู ตอนนี้หวังจุนไคตื่นเต็มตาเลยครับ

            ( เดี๋ยว ใจเย็นๆนะ เมื่อเช้าฉันไข้ขึ้นเลยไม่ได้ไปเรียน ส่วนเรื่องแชท ฉันกำลังจะตอบแล้ว แต่ฉันเพลียมาก ฝืนพิมพ์ไม่ไหวจริงๆ )

            เออๆ เอาเถอะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว วันนี้มารับเชียนซีกลับบ้านด้วย ฉันมีนัด บาย!”


                ร่างสูงยังคงถือโทรศัพท์แนบหูแบบงงๆ อะไรวะ เหมือนโดนโทรมาบ่นแล้วก็จากไป แต่ช่างเถอะ ประเด็นคือ ต้องไปรับเชียนซี ไปครับพี่จุนไค!

                นั่นแหละครับ เหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงเห็นหวังจุนไคมายืนเท่ๆ(?)อยู่หน้าโรงเรียน

                .
                .
                .


                ระหว่างเดินกลับบ้าน มีบางอย่างที่เชียนซีสังเกตเห็นอยู่ตลอดเวลา หลังจากเงียบมานานสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป

                จุนไค หน้านายไปโดนอะไรมา

                “หมายถึงไอ้รอยแดงๆนี่ใช่มั๊ยร่างสูงชี้ไปที่รอยแดงตรงกลางหน้าผาก

                เชียนซีพยักหน้า

                อ๋อโทรศัพท์ตกใส่หน่ะ

                โทรศัพท์?

เชียนซีมองหน้าคนข้างกายด้วยความไม่เข้าใจ แล้วที่จุนไคไม่ตอบข้อความของเขามันหมายความว่ายังไง?!

ร่างสูงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบอธิบายต่อ


                “ก็ตอนนั้นกำลังจะตอบข้อความคนบางคน แต่ฉันเพลียมาก มือไม้ก็อ่อนแรงมือถือมันเลยตกใส่หน้าฉันเต็มๆ และฉันก็ผล็อยหลับไป เลยไม่ได้ส่งข้อความกลับหานายขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะร่างสูงก้มหน้าสำนึกผิด


                คำตอบของจุนไคทำเชียนซีหลุดขำออกมาเล็กน้อย เขาไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นแต่ก็พยักหน้ารับเบาๆ ความเงียบเข้ามาปกคลุม จนจุนไคเปิดบทสนทนาใหม่ขึ้นอีกครั้ง



                นี่ เชียนซีเอาแต่เป็นห่วงฉันอยู่นั่นแหล่ะ

                “…”

                “ไม่อยากเป็นแฟนบ้างหรอ







                “ไอ้บ้า



                end.


--------------------------------------------------------------

ขอขอบคุณมุกตอนจบจาก @cmart138
ฝากติชมด้วยนะคะ
#จริงๆนะKQ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น