เชียนซีนั่งจ้องมือถือทั้งวัน…
.
.
.
เจ้าของใบหน้าขรึมเอาแต่นั่งเหม่อ
เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ไม่ได้เข้ามาในหัวของเขาเลยซักนิด ยิ่งเป็นคาบก่อนพักเที่ยง
เขายิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน ร่างโปร่งนั่งถอนหายใจสลับกับมองนาฬิกา
แต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดเชียนซีก็ทนไม่ไหว แอบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าแอพพลิเคชั่นแชทชื่อดัง
นิ้วเรียวไล่จนไปถึงชื่อของคนที่ทำให้เขากังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร
Qianxi
::
นายอยู่ที่ไหน
ทำอะไรอยู่
ทำไมถึงไม่มาโรงเรียน
นี่! เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?!
หวังจุนไค…อย่าเงียบแบบนี้สิ
.
.
.
พักกลางวันแล้ว…จุนไคก็ยังไม่ตอบ
เชียนซีถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้
กดล็อคและปลดล็อคโทรศัพท์วนไปวนมาอยู่หลายรอบ
จนหวังหยวนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ข้างๆชักทนไม่ไหว
“กินข้าวเถอะเชียนซี
ในมือถือมันมีอะไรนักหนา นั่งจ้องอยู่ได้”
“วันนี้จุนไคไม่มาโรงเรียน”
”อืม..แล้วไง”
“ทักแชทไปก็ไม่ยอมตอบ”
“ทีตอนฉันไม่มาโรงเรียนไม่เห็นนายกระวนกระวายอย่างนี้เลย”
ว่าพลางลอบมองปฏิกิริยาของคนข้างๆ
“กะ…ก็”
เป็นไปตามที่หวังหยวนคาดไว้ไม่มีผิด เชียนซีก้มหน้างุดจนหัวแทบจะชิดกับจานข้าวอยู่แล้ว
สาบานได้ว่าเขาแอบเห็นคนขรึมหน้าแดงด้วย ไม่บ่อยนะครับที่จะเห็นเชียนซีเป็นแบบนี้ มันน่าถ่ายรูปเก็บไว้จริงๆ
“เออๆ ช่างมัน รีบกินข้าวเถอะ
จะได้ไปเรียน”
เชียนซีพยักหน้ารับ
แต่ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าเขาตัดสินใจเข้าไปดูในแชทอีกครั้ง
Read.
แต่…ไม่มีข้อความตอบกลับ
นี่มันหมายความว่ายังไงห๊ะ
หวังจุนไค!!
กว่าหวังหยวนจะบังคับให้เชียนซีกินข้าวได้ก็เกือบถึงเวลาเข้าเรียนยามบ่าย
เพราะเพื่อนตัวดีของเขาดันทำท่าเหมือนจะกินมือถือเข้าไปแทนข้าวซะงั้น คาบบ่ายนี้พวกเขามีเรียนพละ
ขืนไม่กินอะไรไปมีหวังได้เป็นลมคาโรงยิมแน่
ในขณะที่กลุ่มนักเรียนชายกำลังเล่นบาสเกตบอลอย่างดุเดือด
เชียนซีกลับเอาแต่นั่งซึมอยู่ข้างสนาม ทั้งที่ตัวเองชอบเล่นบาสเกตบอลมากแท้ๆ แต่วันนี้เขากลับไม่มีอารมณ์อยากลงสนามเลยซักนิด
จะให้มีอารมณ์ทำอะไรได้ไง! เขาอุตส่าห์ส่งข้อความไปตั้งเยอะ
แต่นี่อะไร..เห็นแล้วยังไม่ยอมตอบกลับมาอีก
ความรู้สึกต่างๆผสมปนเปกันไปหมด ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง นี่หวังจุนไคตั้งใจจะกวนประสาทเขาใช่ไหม?! หรือว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับหมอนั่นกันนะ
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
“ เฮ้ย!!! เชียนซีระวัง!!”
ตุบ!!
ไม่รู้ว่าส่งบอลกันอีท่าไหนถึงทำให้เชียนซีโดนลูกบาสกระแทกหัวเข้าอย่างจัง
สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือหวังหยวนและคนอื่นๆกำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเขา ก่อนที่ภาพทุกอย่างค่อยๆดับไป...
.
.
.
ร่างโปร่งลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องสีขาวๆซึ่งน่าจะเป็นห้องพยาบาล
นี่เราตายหรือยัง…
“ถ้านายกำลังคิดว่าตัวเองตายหรือยัง
ฉันบอกเลยว่า...ยัง” จู่ๆหวังหยวนที่กำลังนั่งจ้องหน้าเชียนซีอยู่ข้างเตียงก็พูดขึ้นมาราวกับอ่านความคิดของเขาออก
“แต่นายก็สลบไปนานมากกกกกก ตั้งแต่คาบพละ จน…เอ่อ…ตอนนี้โรงเรียนเลิกแล้ว”
เขาหลับไปนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
ไม่อยากจะเชื่อเลย เชียนซียกมือขึ้นแตะศีรษะเบาๆ
ยังรู้สึกเจ็บนิดหน่อยแต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง
เดี๋ยวนะ…หลังเลิกเรียนแล้ว…
“หวังหยวน ขอโทรศัพท์หน่อย!”
เมื่อได้สมาร์ทโฟนคืน เชียนซีก็รีบกดเข้าไปในแอพแชททันที
เขารัวข้อความไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้จุนไคก็น่าจะตอบกลับมาแล้ว แต่…
จนตอนนี้…จุนไคก็ยังไม่ตอบ
เชียนซีถอนหายใจยาว
มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ตกลงข้างลำตัว มืออีกข้างก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าตัวเอง ความรู้สึกผิดหวังตีขึ้นมาจนรู้สึกอึดอัดไปหมด
เขาอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
หวังหยวนเห็นท่าทางของเพื่อนสนิทก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
สองมือขยับเก้าอี้ให้เข้าไปใกล้กับเตียงมากขึ้น มือเล็กกระชากผ้าที่คลุมหน้าของคนบนเตียงออก
โถ…อี้หยางเชียนซี
อีกนิดนึงน้ำตาจะไหลแล้วเพื่อน
“เชียนซี ฟังฉันนะ”
“…”
“ถ้านายเป็นห่วงหวังจุนไคขนาดนั้น
แทนที่นายจะมัวแต่รอหมอนั่นตอบแชท ทำไมนายไม่โทรไปหาเลยหล่ะ”
เออหว่ะ…
คำพูดของหวังหยวนเป็นเหมือนเครื่องเรียกสติ
นั่นสิ ทำไมเขาไม่โทรหาตั้งแต่แรก
เชียนซี นายมันบ้องตื้นที่สุด!
“คิดได้แล้วก็รีบจัดการซะ เอ้อ...วันนี้กลับคนเดียวนะ ฉันมีนัดกับที่บ้าน ไปละ” โบกมือลาเพื่อนเสร็จสรรพ
หวังหยวนก็คว้ากระเป๋านักเรียนออกจากห้องพยาบาลไปทันที
ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงกล้าปล่อยให้เชียนซีกลับบ้านคนเดียว
เดี๋ยวก็รู้…J
.
.
.
เชียนซียังคงอยู่ในห้องพยาบาล แต่ตอนนี้เปลี่ยนจากนอนเป็นนั่งห้อยขาแทน
หวังหยวนออกไปได้สักพักแล้ว พอมานั่งนึกดูดีๆก็อดขำตัวเองไม่ได้ เขากระวนกระวายเพราะจุนไคไม่ตอบข้อความทั้งวัน
โทรไปหาแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง
เมื่อคิดได้เชียนซีก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเบอร์โทรหาคนๆนั้นทันที
รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยแฮะ
ตู๊ดดด ตู๊ดดดดด
( ฮัลโหล )
“…”
( ฮัลโหล…เชียนซี
)
“ทำไมวันนี้ไม่มาโรงเรียน”
( ฉันไข้ขึ้นหน่ะ )
“เป็นยังไงบ้าง ไข้ลงหรือยัง
กินยาแล้วใช่ไหม?”
( ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว )
“อืม ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว
แค่นี้นะ”
( เชียนซี เดี๋ยว… )
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
เชียนซีตัดสายอย่างรวดเร็ว เฮ้ออ โล่งอกไปที ที่แท้ก็เป็นไข้นี่เอง
ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็โอเค อาจจะแหบบ้างแต่ไม่น่ามีอะไรให้เป็นห่วง
ส่วนเรื่องที่อ่านแชทแล้วไม่ตอบ เขาไม่ได้ติดใจอะไร ไม่ได้คิดถึงเลยด้วยซ้ำ
เพราะสำหรับเชียนซีแล้ว…แค่ได้รู้ว่าจุนไคไม่ได้เป็นอะไรก็พอ
หลังจากจัดการเรื่องที่ค้างคาใจเสร็จเรียบร้อย ในที่สุดก็ได้เวลากลับบ้านซะที
เชียนซีออกมาจากห้องพยาบาล เดินผ่านอาคารต่างๆและตรงไปยังบริเวณหน้าโรงเรียน
ร่างโปร่งเดินผ่านประตูรั้วไปได้ไม่กี่ก้าว
หางตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังยืนพิงกำแพงโรงเรียนอยู่ คนที่แสนจะคุ้นเคย
คนที่ทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขทั้งวัน ถึงแม้ว่าร่างสูงจะอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆและมีแมสปิดปากบดบังเกือบครึ่งหน้า
แต่เขาก็จำสายตาที่กำลังมองมาที่เขาได้แม่น คนๆนี้ไม่ผิดแน่!
เชียนซีชี้หน้าคนที่มายืนรอเขาด้วยความตกใจ
“นะ…นาย จุนไค มาที่นี่ได้ยังไง?!”
ไหนว่าเป็นไข้ไม่ใช่หรอ?!
“ฉันมาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ...”
ตอบพร้อมยักคิ้วให้คนตรงหน้าหนึ่งที
“…”
นิ่ง เชียนซีนิ่งมาก…
โอเค หวังจุนไคควรตอบคำถามดีๆ
“พอดีวันนี้มีคนโทรไปบอกว่าอี้หยางเชียนซีต้องกลับบ้านคนเดียว
ฉันเลยอาสาเดินไปส่ง”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือหวังหยวนแน่นอน
“ไม่ต้องเป็นห่วงน่า
ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว” จุนไคเอ่ยพร้อมยกมือขึ้นขยี้ผมของคนตัวเล็กกว่าเบาๆ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“จริงๆนะ…” เชียนซีถามเสียงเบา
“จริงสิ ป่ะ..กลับบ้านกัน”
“อื้ม…”
.
.
.
ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้านี้
เมื่อหวังหยวนบอกลาเชียนซีเสร็จ
เขาก็รีบวิ่งลงจากอาคารและหาที่เหมาะๆ ต่อสายหาจุนไคทันทีหลังจากคิดแผนการบางอย่างออก
รอไม่นานจุนไคก็รับโทรศัพท์
( ฮัลหละ… )
“ไอ้บ้าจุนไค! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน” สายปลายทางพูดยังไม่ทันจบ หวังหยวนก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมา
( อยู่บ้าน มีอะไร? )
เสียงอีกฝ่ายงัวเงียเล็กน้อย เหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอน
“วันนี้นายหายไปไหนมา
เห็นข้อความที่เชียนซีส่งไปใช่ไหม? แล้วทำไมไม่ตอบ ห๊ะ! เชียนซีเป็นห่วงนายมากเลยนะรู้หม้ายยยยยยย!”
แต่พอโดนหวังหยวนตะโกนใส่หู ตอนนี้หวังจุนไคตื่นเต็มตาเลยครับ
( เดี๋ยว ใจเย็นๆนะ
เมื่อเช้าฉันไข้ขึ้นเลยไม่ได้ไปเรียน ส่วนเรื่องแชท ฉันกำลังจะตอบแล้ว แต่ฉันเพลียมาก
ฝืนพิมพ์ไม่ไหวจริงๆ )
“เออๆ เอาเถอะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว วันนี้มารับเชียนซีกลับบ้านด้วย
ฉันมีนัด บาย!”
ร่างสูงยังคงถือโทรศัพท์แนบหูแบบงงๆ
อะไรวะ เหมือนโดนโทรมาบ่นแล้วก็จากไป แต่ช่างเถอะ ประเด็นคือ ต้องไปรับเชียนซี
ไปครับพี่จุนไค!
นั่นแหละครับ
เหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงเห็นหวังจุนไคมายืนเท่ๆ(?)อยู่หน้าโรงเรียน
.
.
.
ระหว่างเดินกลับบ้าน
มีบางอย่างที่เชียนซีสังเกตเห็นอยู่ตลอดเวลา หลังจากเงียบมานานสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
“จุนไค หน้านายไปโดนอะไรมา”
“หมายถึงไอ้รอยแดงๆนี่ใช่มั๊ย”
ร่างสูงชี้ไปที่รอยแดงตรงกลางหน้าผาก
เชียนซีพยักหน้า
“อ๋อ…โทรศัพท์ตกใส่หน่ะ”
“โทรศัพท์?”
เชียนซีมองหน้าคนข้างกายด้วยความไม่เข้าใจ แล้วที่จุนไคไม่ตอบข้อความของเขามันหมายความว่ายังไง?!
ร่างสูงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบอธิบายต่อ
“ก็…ตอนนั้นกำลังจะตอบข้อความคนบางคน แต่ฉันเพลียมาก มือไม้ก็อ่อนแรงมือถือมันเลยตกใส่หน้าฉันเต็มๆ
และฉันก็ผล็อยหลับไป เลยไม่ได้ส่งข้อความกลับหานาย…ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”
ร่างสูงก้มหน้าสำนึกผิด
คำตอบของจุนไคทำเชียนซีหลุดขำออกมาเล็กน้อย
เขาไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นแต่ก็พยักหน้ารับเบาๆ ความเงียบเข้ามาปกคลุม
จนจุนไคเปิดบทสนทนาใหม่ขึ้นอีกครั้ง
“นี่ เชียนซี…เอาแต่เป็นห่วงฉันอยู่นั่นแหล่ะ”
“…”
“ไม่อยากเป็นแฟนบ้างหรอ”
end.
--------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณมุกตอนจบจาก @cmart138
ฝากติชมด้วยนะคะ
#จริงๆนะKQ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น